ราชบุรี ติดตรึงใจ ไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก แวะเที่ยวอำเภอสวนผึ้ง ชื่นชมวัฒนธรรมพื้นเมือง

จังหวัดราชบุรี...มีคำขวัญว่า "คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนินเพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี" กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว อยากไปสัมผัสให้ครบทุกอย่างตามคำขวัญ ว่าจริงแท้เพียงใด แต่ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ไปเที่ยวได้ไม่ครบ เพราะ จังหวัดราชบุรี เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และ ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว เริ่มทริปเที่ยวที่ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จำได้ว่าเคยไปเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งนับเป็นระยะเวลาผ่านไปนานมาก จำแทบไม่ได้แล้วว่ามีบรรยากาศเป็นอย่างไร การเดินทางจากกรุงเทพฯ สามารถไปทางถนนพระราม 2 ผ่านตลาดน้ำอัมพวา หรือ จะออกทางพุทธมลฑลมุ่งหน้าไปทางจังหวัดนครปฐมก็ได้ หากแต่ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ค่อนข้างจะอยู่ใกล้กั จังหวัดสมุทรสงคราม การเดินทางไปทางนครปฐม น่าจะย้อนกลับไปสักหน่อย ประมาณ 50 - 70 กิโลเมตร

เมื่อเดินทางไปถึง บรรยากาศของ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ในวันนี้ ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดน้อยลงไป แต่ก็ยังมีพ่อค้าแม่ขาย คนในพื้นถิ่นพายเรือออกมาขายของอยู่พอสมควร ร้านรวงที่ขายของที่ระลึก มีเปิดเป็นหย่อมๆ ไปเที่ยวช่วงนี้ ได้บรรยากาศความเป็นธรรมชาติ ได้เห็นวิถึชีวิตของชาวบ้าน และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น

การเที่ยวตลาดน้ำ ขับรถไปจอดตรงจุดใดจุดหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ตลาด ซึ่งมีบริการที่จอดรถค่อนข้างเยอะ จากนั้น เช่าเหมาเรือพาย มีบริการพายเรือให้ ก็เป็นคนในพื้นถิ่นนั้นแหละ ลัดเลาะไปตามคลอง ระหว่างทางจะมีคนพายเรือขายของผ่านสวนมาเป็นระยะ อย่างเช่น ผลหมากรากไม้ ขนมไทย และ ก๋วยเตี๋ยวเรือ เป็นต้น กินแก้มตุ่ยฯ ได้ลองกิน ก๋วยเตี๋ยวเรือคุณยายคนหนึ่ง เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือรสชาติดีเชียว คุณยายบอกว่า ขายมาหลายสิบปิแล้ว ขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวหมู และข้าวแห้ง ที่เป็นอาหารพื้นถิ่น ค่าบริการนั่งเรือชมบรรยากาศ ชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลอง ที่นี่มีบริการเรือเช่านำเที่ยว เรือพาย นั่งได้ 5 คน ราคา 400 บาท ระยะเวลา 40 นาที และ 500 บาท ระยะเวลา 60 นาที และ เรือยนต์หางยาว นั่งได้ 6 คน ราคา 800 บาท ระยะเวลา 1 ชม. และ 1,500 บาท ระยะเวลา 120 นาที

คุณยาย ทำก๋วยเตี๋ยวใส่ถ้วยกระดาษให้ นั่งชมบรรยากาศในคลองไป กินไปเพลินดี เรือพายไปให้ถึง ท่าเรือสวนน้ำตาลบังเละ เพื่อให้ชมวิถีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ในการทำน้ำตาลโตนด ตรงจุดนี้มีการสาธิตทำน้ำตาลแล้ว ยังมีร้านของของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

หลังจากทัวร์ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ก็มุ่งหน้าไปอำเภอสวนผึ้ง เพื่อแวะเที่ยวอีกหลายจุด สายตาแว๊บไปเห็นป้ายบอกทางไป ณ สัทธา อุทยานไทย ซึ่งอยู่ห่างตลาดน้ำไปเพียง สิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น เลยแวะเที่ยวชมสักหน่อย เข้าไปแล้วชอบมากๆ ตรงทางเข้ามีมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดี ตรงจุดซื้อตั๋วเข้าชม มีป้าย SHA (Safety and Health Administration) ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว สร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทำให้มั่นใจมากขึ้น

ณ สัทธา อุทยานไทย ด้านในมีความร่มรื่น ทำเป็นสวนที่สามารถเดินได้โดยรอบ มีจุดแวะให้นักท่องเที่ยวได้ชมและถ่ายภาพ จุดแรกจะเป็น อาคาร ชั้นแรก แสดงหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญ ส่วนชั้นที่สอง แสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จย่า ในอาริยาบท ต่างๆ ดูแล้ว ซาบซึ้งคิดถึงพระองค์ฯ

เดินถัดมาอีกหน่อยจะเป็นลานแสดงพระพุทธรูป ข้างๆ ลานมีอาคารจัดแสดงแสงสีเสียงเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ ประมาณสัก 15 นาที จัดเป็นรอบๆ การนำเสนอค่อนข้างดี ตื่นตาตื่นใจ เดินออกวนไปทางด้านขวา จะมีสวนต่างๆ ให้เดินชม แล้วไปจบที่ อาคารจำหน่ายของที่ระลึก ใครชื่นชอบการถ่ายภาพกับวิวสวนสวยๆ แนะนำให้แวะไปที่นี่

บนเส้นทางเดียวกันไปสวนผึ้งจะผ่าน วัดขนอน อยากแนะนำให้แวะกัน เพราะที่นี่ มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงหุ่นเชิด สำหรับแสดงหนังใหญ่ในแบบโบราณ โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-17.30 น. และมีกำหนดเปิดการแสดงหนังใหญ่ ณ โรงละครหนังใหญ่ ทุกวันเสาร์ ในเวลาประมาณ 10.00 น. น่าแวะไปชมศิลปะที่เป็นวัฒนธรรมของชาวไทย ที่อนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

จุดหมายต่อไป เป็นทางผ่านไปสวนผึ้ง นั่นก็คือ ถ้ำจอมพล ตรงทางเข้ามีฝูงลิงเยอะมาก ลิงที่นี่ค่อนข้างเชื่อง ถ้ำเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในคำขวัญของจังหวัด จึงควรแวะเที่ยวอย่างยิ่ง ก่อนเข้าชมมีเจ้าหน้าที่ตั้งจุดคัดกรอง แนะนำให้รักษาระยะห่าง จากนั้นเชิญชวนให้ขึ้นบันไดไปชมถ้ำจอมพล บันไดดูสูง แต่พอขึ้นไปจริงๆ ขึ้นแค่ประมาณ 70-80 ขั้นเท่านั้น เดินแปล๊บเดียวก็ถึง

ด้านในถ้ำมีการตั้งไฟส่องสว่าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้มองเห็นความวิจิตรสวยงามภายใน ซึ่งด้านในมีมุมหินงอก หินย้อย สลับกันไปตลอดทาง ถ้ำค่อนข้างใหญ่โต ด้านในสุดมีจุดให้กราบพระ และมีปล่องทะลุด้านบน ทำให้มีแสงสว่างส่องเข้ามาในถ้ำ ดูสวยงามดีเหลือเกิน

ในวันที่เดินทางไปสวนผึ้ง ตั้งใจจะไปชม ตลาดโอ๊ะป่อย แต่ดันเป็นวันที่มีพายุเข้า ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลบ่าเข้ามาที่สวนผึ้ง จนทำให้น้ำท่วมตลาดโอ๊ะป่อย จึงปิดกันไปยาวๆ กินแก้มตุ่ยฯ เปลี่ยนแผนแถมไม่ทัน ก่อนตั้งสติได้ เจอร้านนั่งชิลล์เก๋ไก๋ ชื่อว่า CORO Field ร้านสีขาวดูสะอาดตา มีผู้คนเข้าไปนั่งใช้บริการเยอะมาก จึงแวะพัก มาทราบว่า ที่นี่คือ จุดเช็คอินใหม่ของ อำเภอสวนผึ้ง มีความโดดเด่นตรง เป็นฟาร์มเมล่อน Organic ที่ปลูกอย่างพิถีพิถัน แต่ละต้นให้ออกลูกเพียงลูกเดียว นอกจากนี้ ยังให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ที่ใช้เมล่อนเป็นส่วนประกอบ สั่งมากินแล้วติดใจ อร่อยดี เมล่อนมีความหวานกรอบ ราคาขายปลีก เมล่อนลูกละ 500 บาท ส่วนอาหารอื่นๆ ราคาก็สมเหตุผล ไม่ถือว่าสูงจนเกินไป เมื่อเทียบกับคุณภาพ

นั่งชิลล์ๆ รอฝนซาลงเล็กน้อย ได้เวลาเย็นย่ำพอดี ก่อนเช็คอินเข้าที่พัก เหลียวหาร้านอาหารพื้นถิ่นอร่อยๆ กินสักหน่อย ได้รับคำแนะนำว่า ร้านครัวบ้านนา ทำอาหารอร่อยมาก อาหารแนะนำ คือ ปลาคังผัดฉ่า และ ปลากะพงทอดยำมะม่วง แซบอีหลี กินแล้วติดใจจนอยากบอกต่อกับคนที่ไปเที่ยว อำเภอสวนผึ้ง

พักผ่อนหนึ่งคืน ตื่นขึ้นมาอีกวัน ตลาดโอ๊ะป่อยไม่เปิดให้เที่ยวเพราะน้ำท่วม เลยตัดสินใจไปเที่ยว ตลาดคูบัว เป็นกาดวิถีชุมชนคูบัว หนึ่งในแลนด์มาร์กที่เที่ยวใหม่จังหวัดราชบุรี ที่ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมชม ชิม และแชะ ท่ามกลางบรรยากาศตลาดโบราณ และวิถีชีวิตชุมชนชาวไทยวน ภายในตลาดมีสินค้าพื้นเมืองขายหลากหลาย ที่น่าสนใจมากคือ ผ้าทอคูบัว เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีความประณีตสวยงาม โดยตลาดคูบัว เปิดให้บริการทุกวัน ศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ เวลา 09.00 น. – 20.00 น. ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการแสดงพื้นเมืองของชาวพื้นเมืองให้ชมฟรี!! ช่วงการแสดง 17.00 น. – 19.00 น. อีกด้วย ไปไม่ถูกเปิด GPS ไปที่ วัดโขลงสุวรรณคีรี อ.เมือง จ.ราชบุรี

มาเที่ยวราชบุรี ไม่แวะชมโรงงานโอ่ง เหมือนมาไม่ถึง แนะนำให้แวะโรงการทำโอ่ง เถ้า ฮง ไถ่ ที่นี่ถือได้ว่าเป็นโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่เก่าแก่คู่เมืองราชบุรี ด้านในจัดตรงทางเข้าโรงงาน จัดเป็นสวนและมีโอ่งเล็กใหญ่ ถ้วยโถรูปร่างแปลกตา เรียงรายไว้ดูสวยงามแปลกตา เพราะว่ามีการคละสีสันที่สวยงาม ทำให้กลายเป็นจุดถ่ายภาพให้กับนักท่องเที่ยว ภายในโรงงานมีพนักงานนั่งเขียนลวดลายบนโอ่ง เพื่อแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม แล้วยังมีการจัดนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนกันไป ในวันที่กินแก้มตุ่ยไปจะเป็นการแสดงนิทรรศการแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ด้านหน้าของโรงงานยังมีร้านกาแฟให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย ทำให้โรงงานแห่งนี้กลายเป็นจุดเช็คอิน ให้นักท่องเที่่ยวได้มาสัมผัสผลิตภัณฑ์ที่อยู่คู่กับวิถีวัฒนธรรมความเป็นอยู่คู่กับราชบุรี อีกทั้งยังปรากฏอยู่ในคำขวัญของจังหวัดราชบุรี อีกด้วย สำหรับ โรงงาน เถ้า ฮง ไถ่ เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ตั้งอยู่บนถนนเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thtceramic.com