จังหวัดลพบุรี..อยู่ห่างจาก กรุงเทพฯ เพียงประมาณ 153 กิโลเมตร เท่านั้น ขับรถวิ่งตรงไปทางเดียวกับ จังหวัดสระบุรี แล้วจะมีแยกให้เลี้ยวซ้าย ก่อนเข้าตัวจังหวัดลพบุรี จะผ่าน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อันนับเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงและประชาชนมักจะเข้าไปท่องเที่ยว กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว เคยได้ข่าวมาว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย มีการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวทางรถไฟ โดยนำนักท่องเที่ยวนั่งรถไฟเข้าไปในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน - มกราคม ของทุกๆ ปี เพราะเป็นช่วงที่ น้ำในเชื่อนเยอะ เมื่อรถไฟวิ่งผ่านเขื่อน จะได้วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ที่สำคัญ รถไฟขบวนนี้ จะจอดแวะกลางเขื่อนที่รางรถไฟพาดผ่าน ให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปถ่ายภาพ กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว อยากไปทริปนี้มากๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไป จังหวัดลพบุรี จึงไปสำรวจดูว่า เส้นทางเป็นอย่างไร ชิมลาง มาเล่าให้เพื่อนๆ ได้เห็นบรรยากาศกันก่อน เผื่อปลายปี จะได้รีบจองทริป กับการรถไฟแห่งประเทศไทย กันต่อไป
ช่างน่าเสียดาย ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2562 ที่ได้ไปเยือนมานั้น เป็นช่วงน้ำแห้ง...แม้น้ำในเขื่อนจะแห้งไปสักหน่อย แต่ก็ยังพอสัมผัสได้กับบรรยากาศธรรมชาติ และจินตนาการได้ว่า ถ้าน้ำมาล้นๆ ถึงรางรถไฟ จะสวยมากแค่ไหน เพราะขนาดน้ำน้อยๆ ยังรู้สึกประทับใจในบรรยากาศสบายๆ และคิดถึงตอนเด็กๆ ที่เคยนั่งรถไฟข้ามจังหวัด สนุกกับการดูคนขายของบนรถไฟ ขายขนม ขายอาหาร ร้องขายของกันด้วยสำเนียงแปลกๆ เชิญชวนให้คนซื้อของ ใครอยากสัมผัส การท่องเที่ยวแบบนี้ ให้คอยดู โปรแกรมกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะเปิดให้จองกันในช่วงปลายๆ ปี หรือ โทรสอบถามกันได้ที่ โทร 1690
เห็นฟ้า เห็นน้ำ สีสันสวยๆ ถ่ายภาพออกมาแล้ว สีแจ่มถูกใจคนชอบถ่ายภาพแน่นอน บริเวณรอบๆ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีร้านขายอาหารบริการ ใครไปเที่ยวก็สามารถหาร้านกินอาหารกันได้สะดวก ในส่วนของเขื่อนก็มีส่วนที่เปิดบริการให้ประชาชนเข้าไปเดินเล่นถ่ายภาพ พักผ่อน ออกกำลังกาย ซึ่งจะมีรถกอล์ฟ ให้เช่าขับเข้าไปชมบริเวณถนนที่ยื่นเข้าไปในเชื่อนอีกด้วย
หลังจากเที่ยวเขื่อน ขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองลพบุรี ประมาณ 48 กิโลเมตร ใช้เวลาสัก 30 - 45 นาที แล้วแต่ใครจะซิ่งกันเร็วขนาดไหน ถนนหนทางถือว่าสะดวกสบาย เมื่อถึงตัวเมืองลพบุรี แนะนำให้แวะ สักการะ ศาลพระกาฬ กันก่อน โดย เจ้าพ่อพระกาฬ ถือเป็นเทพอารักษ์ประจำเมือง ศาลตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงที่อยู่สูงจากพื้นดิน มีประชาชนและนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปเป็นจำนวนมาก รอบๆ จะมีประชากรชาววานร ที่ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์คู่เมืองลพบุรี คู่กับ พระปรางค์สามยอด ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับ ศาลพระกาฬ
พระปรางค์สามยอด กับ ศาลพระกาฬ จะอยู่กันคนละฝั่ง โดยมีรางรถไฟคั่นกลาง การจราจรบริเวณนี้ ค่อนข้างคับคั่ง ใครไปเที่ยวก็ต้องระมัดระวังรถยนต์ที่จะวิ่งกันไปมาจากหลายๆ ทิศทาง เพราะศาลพระกาฬ เสมือนเป็นวงเวียน นั่นเอง ถ้าไปเที่ยวกันช่วงกลางวัน อากาศน่าจะร้อน แดดจะแรงสักหน่อย แต่ก็ถ่ายรูปสวยดี หากกลับมาในตอนเย็นๆ จะได้สัมผัสกับอีกบรรยากาศหนึ่ง ของความเป็นโบราณสถาน ที่สวยงาม สร้างด้วยศิลปะบายน โครงสร้างเป็นศิลาแลงประดับปูนปั้น สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ตรงพระปรางค์สามยอด เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ถ่ายภาพนิ่งได้ ห้ามบันทึกวิดีโอจากอุปกรณ์ใดๆ ยกเว้น ผู้ที่ทำเรื่องขออนุญาตมาเรียบร้อยแล้ว กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว กลับมาเก็บภาพบรรยากาศในตอนเย็นอีกครั้ง รู้สึกชอบและประทับใจในความงามของพระปรางค์สามยอด ที่ดูมีมนต์ขลังสะกดหัวใจให้ดูนิ่งๆ อยู่นานพอสมควร ผู้ที่ไปถ่ายภาพบริเวณนี้ ให้คล้องกล้องกันไว้ให้แน่นหนา เพื่อป้องกันน้องลิง มาคว้ากล้อง ไปเล่นนะจ๊ะ
ลพบุรี ก็คล้ายๆ กับ พระนครศรีอยุธยา คือ มีโบราณสถานกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในวันที่เที่ยวในตัวเมืองแนะนำให้ไป สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อีก 2-3 จุด ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เดิมเป็นพระราชวังประทับของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในจัดแสดงศิลป โบราณวัตถุตามอาคารต่างๆ และมีพระที่นั่งต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ รวมแล้วจำนวนกว่า 1,864 รายการ เดินชมกันอย่างเพลิดเพลิน บนพื้นที่กว่า 41 ไร่
ในบริเวณใกล้ๆ ห่างกันไม่เท่าไหร่ ยังมี วัดพระศรีมหาธาตุ ที่ควรไปแวะชม ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟลพบุรี สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่มีการซ่อมแซมหลายครั้ง นับตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ด้านใน เมื่อผ่านประตูเข้าไปจะเห็น ดังนี้ พระอุโบสถ มีขนาดใหญ่โตมากและเหลือแต่ผนังทั้ง 4 ด้าน แต่ก็ไม่สมบูรณ์นักกับกองพระพุทธรูปที่หัก ๆ ทางซ้ายของพระอุโบสถมี "ศาลาเปลื้องเครื่อง" นักท่องเที่ยว ควรมาแวะถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
หลังจากชมโบราณสถานแล้ว แนะนำให้ไปเที่ยวสัมผัสกับชุมชนพื้นบ้านกันบ้าง ตอนนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ชื่อว่า บ้านสวนขวัญ โดยเป็น ชุมชนที่อยู่ติดลุ่มน้ำบางขาม มีวิวทิวทัศน์สวยงาม ชาวบ้าน ได้รวมกลุ่มกันเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีอาหารพื้นบ้านและผลผลิตทางการเกษตรสด ๆ ไร้สารเคมี ให้นักท่องเที่ยวได้ชิมและซื้อกลับ พร้อมกับสัมผัสการท่องเที่ยวภูมิปัญญาและวิถีชุมชนโดยการนั่งรถอีแต๋น และ ทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ ชมบ้านไทยแบบเก่า ที่มีช่องหลบโจร พอกไข่เค็มดินสอพอง สานหวายเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และ ล่องแพเปียก เป็นต้น
รถอีแต๋น บริการนักท่องเที่ยว นำชมสถานที่ต่างๆ รอบๆ บ้านสวนขวัญ ที่มีกิจกรรมต่างๆ ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน โดยพาไปชมบ้านไทย น่าจะเป็นบ้านเศรษฐี ซึ่งจะมีช่องไว้หลบโจร ไปชมชุมชนสานร้อยหวาย และดูฟาร์มกุ้งเครย์ฟิช ที่ยึดตามรอยวิถีเศรษฐกิจพอเพียง
ชุมชนจักสานหวายมหาสอน เป็นกลุ่มชาวบ้านที่ทำอาชีพสานผลิตภัณฑ์หวายต่างๆ ซึ่งจะมีออเดอร์จากลูกค้าทั่วประเทศ รวมไปถึงต่างประเทศ โดยผู้สานจะเป็นคนเก่าแก่ ที่มีฝีมือละเอียดอ่อน ซื้อติดมือกลับบ้านเป็นของฝาก หรือ ไว้ใช้เวลาออกงานสไตล์ไทยๆ สวยคุ้มค่า ใช้งานได้คงทนยาวนาน เป็นงานฝีมือ ที่ยิ่งเก็บนาน ยิ่งเพิ่มคุณค่า เพราะนับวันช่างฝีมือดี จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
ดินสอพอง เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของเมืองลพบุรี ชุมชน ได้นำมาพอกทำไข่เค็มดินสอพอง ซึ่งมีรสชาติอร่อยมาก เนื้อไข่ขาวเค็มพอดี ไข่แดงมีสีเข้มและรสชาติมันชัดเจน และยังใส่กลิ่นใบเตยเข้าไปได้ ด้วยกรรมวิธีการพอก อันเป็นสูตรเฉพาะของชุมชน บ้านสวนขวัญ ใครไปเที่ยวที่นี่ ทดลองทำเองกับมือ หรือ ซื้อติดกลับมากินที่บ้าน รับรองติดใจ
โฉมหน้าบ้านไทย กับ หลุมหลบโจร เป็นช่องลงใปในห้องใต้ดิน ปิดอย่างแน่นหนา ทำให้โจรไม่สามารถเข้ามาทำร้ายได้ เป็นบ้านทรงไทยสไตล์เก่าๆ อยู่ริมน้ำ บรรยากาศค่อนข้างดี ปัจจุบัน เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชม เพื่อได้สัมผัสกับวิถีความเป็นอยู่ของคนในยุคเก่าก่อน หากไปในช่วงเวลา กลางวัน สามารถสั่งอาหารกินเป็นหมู่คณะ บนศาลาริมนัำ ตรงส่วนกลางของ บ้านสวนขวัญได้ ชาวบ้านจะทำอาหารเด็ดประจำพื้นถิ่นมาให้บริการ อาทิ ผัดบวบใส่ไข่ ไข่เจียว ต้มโคล้งปลา น้ำพริกขี้กากับผัดสดๆ เป็นต้น หน้าตา ธรรมดา แต่รสชาติ กับบรรยากาศ เสริมให้อร่อยยิ่งขึ้น
#Amazingไทยเท่ #กินแก้มตุ่ยตะลุยเที่ยว
Tags
ท่องเที่ยว