ญี่ปุ่น...ดินแดนนี้ มีเสน่ห์

นับว่าเป็นช่วงนาทีทองของคนอยากไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เพราะขณะนี้ การเดินทางไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่าให้ยุ่งยาก เพียงหาซื้อตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก และเตรียมแผนการท่องเที่ยวเอาไว้ล่วงหน้า


การเลือกซื้อตั๋วเครื่องบิน ก็ต้องมาดูว่าจะเอาถูกขนาดไหน ต้องดูดีๆ บางท่านอาจชอบถูกมาก แต่ก็ต้องแลกกับการใช้เวลาเดินทางมากขึ้นไปกว่าปกติ อย่างเช่น การบินไทย มีเที่ยวบินตรงถึงญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงเท่านั้น แต่หลายๆ สายการบินที่ราคาประหยัด อาจต้องไปแวะประเทศอื่นก่อนถึงญี่ปุ่น ต้องใช้เวลาเดินทาง 8 - 10 ชั่วโมงเลยเชียว ใครมีงบเท่าไหร่ ก็เลือกบินกันได้ตามขนาดกระเป๋า อย่าได้แคร์ เพราะอย่างไรจุดหมายก็อยู่ที่เดียวกัน นั่นคือ ญี่ปุ่น



"กินแก้มตุ่น ตะลุยเที่ยว" เคยไปญี่ปุ่นมาแล้ว 2 ครั้ง ก็วนเวียนอยู่ที่ โตเกียว กับ ภูเขาไฟฟูจิ นี่แหล่ะ ไปกับทัวร์ ราคาไม่แพง ประมาณ 3 หมื่นต้นๆ ก็นะ งบมันมีเท่านี้ ครั้งแรกไป เรียกว่า "ชะโงกทัวร์" ไปครั้งที่สอง เรียกว่า "วัลลีทัวร์" ฮ่าๆๆๆ ไปเที่ยวหลายที่จริงๆ นะ แต่แวะไปแค่ถ่ายรูปแล้วชักตีนกลับ แล้วขึ้นรถมุ่งหน้าไปที่ต่อไป 

จริงๆ แล้ว สถานที่เที่ยวหลักๆ มีไม่กี่แห่งที่คนมักไปเที่ยว โดยส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากนอกเมืองกันก่อน ซึ่งพอไปถึงจะลงที่สนามบิน "นาริตะ" แล้วต่อรถไปเที่ยว ประมาณ 100 กว่ากิโล ประมาณว่าเราไปแถบเขาใหญ่ อะไรประมาณนั้น  อาทิ ภูเขาไฟฟูจิ ล่องเรือทะเลสาบอะชิ ขึ้นเขาไปดูไข่ดำ (ตอนนี้ปิดให้บริการ) ชมหมู่บ้านโอท๊อป เป็นต้น ซึ่งแต่ละที่ก็จะอยู่ใกล้ๆ กัน 


การไปเที่ยวญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 นี้ "กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว" เลยตัดสินใจ เดินทางไปกับกลุ่มน้องๆ ที่บริษัท โดยใช้บริการไกด์ท้องถิ่น ไม่ได้ใช้บริการบริษัททัวร์ การนำเสนอเนื้อหาในบล๊อกนี้ ไม่ได้มาแนะนำว่าจะต้องไปอย่างไร ต้องทำแบบไหน เพราะตัวเองไปมาก็ยังงงๆ น่าจะเป็นการมาเล่าแชร์ประสบการณ์การเที่ยวอีกแบบหนึ่ง.. สำหรับเด็กรุ่นใหม่ คนรักเที่ยว เชื่อว่าไปเองได้ไม่ยากนัก เพราะมีผู้รีวิว มีผู้แนะนำการเดินทางไว้มากมาย 




ตึกนี้ มีเครื่องเล่มสุดหวาดเสียวอยู่ข้างใน กว่าจะได้เล่น  ต้องต่อคิวรอ ประมาณ 1.30 ชั่วโมง
แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอย สนุกตื่นเต้นและเสียวมาก

วันแรก ลงเครื่องที่สนามบิน "นาริตะ" แล้วก็เดินทางไปยังสวนสนุก  Tokyo Disney Sea ใช้เวลาอยู่ที่นี่กันทั้งวันแบบไม่เจียมสังขาร ส่วนเพื่อร่วมเดินทาง ล้วนแล้วมีแต่เด็กหนุ่มๆ ก็สนุกสนานกับการเล่นเครื่องเล่น มีเครื่องเล่นหลายๆ อย่าง ที่คนต่อคิวยาว ต้องรู้เทคนิคในการจองคิว และบริหารเวลา ไม่เช่นนั้นจะได้เล่นไม่กี่อย่าง ที่ Tokyo Disney Sea ไม่ค่อยเห็นคนไทยมากนัก 




ตอนเย็นย่ำ ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ จะมีโชว์อลังการในทะเลสาบ ใครที่ไปเที่ยว ไม่อยากให้พลาดจุดนี้ เพราะคุ้มค่ากับการรอคอย ดูโชว์เริ่ดๆ ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ถ้ามีคู่ตุดนางันไปด้วย ก็โรแมนติกดีไม่น้อย หลังจากนั้น พอมีเวลาอีกสัก 1 ชั่วโมง เรียกว่านาทีทอง ในการไปไล่เล่มเครื่องเล่นต่างๆ เพราะบางเครื่องไม่มีคิวเลย เก็บตกกันไปได้หลายอย่างเลย  




วันที่สอง ออกเดินทางมุ่งหน้าไปเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิ เช่ารถตู้ขับไปในถนนอุโมงค์ยาว ไกด์บอกว่าเป็นถนนสร้างอยู่ใต้ทะเล ระหว่างทางจะมีจุดพักรถ เรียอกว่า UMIHOTARU  ตรงนี้วิวทิวทัศน์สวยมาก มีร้านอาหารมากมาย มีฟาสต์ฟู้ตให้เลือกรับประทาน 





ตู้สั่งอาหารอัตโนมัติ เลือกเมนูที่อยากได้ หยอดเงิน แล้วนำคูปองไปยื่นกับแม่ค้า 

ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่นี่ และอีกหลายๆ แห่งในญี่ปุ่น จะเป็นตู้เมนูอาหาร ให้เราหยอดเงินแล้วกดสั่งอาหาร จากนั้นนำคูปองจากตู้ไปยื่นให้แม่ค้า เขาจะให้เครื่องเตือนเวลาถึงคิวมาให้  ก็ถือว่าสะดวกดี อยากให้มีในเมืองไทยบ้าง เราเลือกรับประทานอาหารง่ายๆ ข้าวหน้าหมู แล้วจบด้วยไอสครีมซอฟท์เสิร์ฟ เป็นแบบพรีเมี่ยม ราคา 500 เยน 
   




ไอสครีมซอฟต์เสริฟ์ อร่อยมาก เนื้อนุ่มชุ่มลิ้น แป้งโคลนส่งมาจากฮอกไกโด 
กรุบกรอบกินแล้วลืมอ้วนไปชั่วขณะ 

จากนั้นเดินทางไปยังไหว้พระใหญ่ แล้วไปต่อที่ ทะเลสาบอะชิ เพื่อไปล่องเรือโจรสลัดชมบรรยากาศ วันที่ไปอยู่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม อากาศประมาณ 15-20 องศา ถือว่าสบายๆ  





ระหว่างรอขึ้นเรือโจรสลัด บริเวณด้านหน้าจะมีตาลุง ผัดประหมึกขาย กลิ่นหอมโชยลมมายั่วน้ำลาย เลยลองซื้อมารับประทาน โอ้โห อร่อยจัง ใครแวะไปลองอุดหนุนมาชิม รับรองติดใจ 



เที่ยวซึมซับกับบรรยากาศ จากทะเลสาบอะชิ แล้วดิ่งตรงเข้าไปโรงแรม "วาคาคุสะ โนะ ยาโดะ มารุเอ (Wakahusa No Yado Maruei) เป็นด้านหน้าโรงแรมอยู่ริมทะเลสาบ ด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ตั้งตระหง่าน บนดาดฟ้าของโรงแรม สามารถขึ้นไปถ่ายภาพได้ โดยโรงแรมจะมีบริการชุดยูกะตะให้ใส่ ใส่แล้วไปถ่ายรูป ณ จุดนี้ จะฟินมากๆ 



นอกจากนี้ ภายในห้องพักจะตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุค ภายในห้องจะมีที่นอนปูให้บนเสื่อ มีห้องอาบน้ำแร่ ออนเซ็น ภายในห้องพักเลย ลงไปแช่ในอ่าง พร้อมกันชมวิวทะเลสาบได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านี้ ยังได้รวมค่าอาหารเช้า และ อาหารเย็น แบบเซ็ทให้ เห็นการจัดเซ็ทอาหาร แล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกขุนนางญี่ปุ่นเลยล่ะ











นับว่าโชดดีมาก ที่เดินทางไปในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดเทศกาลดูดอก "ดอกชิบะซากุระ" พอดี อยู่ใกล้ๆ กับที่พัก เลยให้ไกด์พาขับไปชม เหมือนบ้านเราไปดูทุ่งดอกทานตะวัน แต่ที่นี่ อากาศดี บรรยากาศรอบๆ มีวิวให้ถ่ายภาพกับภูเขาไฟฟูจิ แม้ว่าตอนที่ไป ดอกมีร่วงโรยไปบ้างแล้ว ก็ก็ยังพอมีดอกสวยๆ ให้ถ่ายรูปด้วย 











สถานที่ท่องเทียวในละแวกเดียวกัน ก็ยังมีหมู่บ้านโอท๊อบ แต่ทริปนี้ ไม่ได้แวะ เลือกที่จะไปแวะุถ้ำน้าแข็ง เพราะว่ายังไม่เคยไป รู้สึกถูกใจมากๆ ต้องเดินเขาไปในถ้ำไต่บันไดลงไปอีกลึกพอสมคร อุณหภูมิประมาณ 0 องศา มหัศจรรย์กับน้ำแข็งที่เรียงรายอยู่ในถ้ำ เป็นก้อนขนาดใกล้เคียงกัน ไม่แน่ใจว่าเขาตกแต่งหรือเปล่า แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นลิ่มๆ อนุมานได้ว่าเป็นตามธรรมชาติ 








ก่อนเดินทางสู่กรุงโตเกียว จากถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ ยังพอมีเวลาเหลือเฟือ จึงได้แวะไปที่สวนสนุก ฟูจิคิว ด้วยความตั้งใจจะเป็นเล่นรถไฟเหาะตีลังกา ที่เขาบอกกันว่าเสียวติดอันดับโลก เมื่อได้ไปสัมผัสจริงๆ แล้ว ช่างสมคำล่ำลือจริงๆ หัวใจนี้ เจียนจะขาดในตอนที่รถไฟไต่ขึ้นสู่ระดับสูง ที่มองลงมาข้างล่างจะเห็นว่าสูงกว่าเครื่องเล่นใดๆ ทั้งหมด ก่อนที่จะทิ้งตัว ทิ่มหัวลงมาอย่างรวดเร็ว ด้วยความหวาดเสียวมือไม้เกาะที่กั้นอย่างเหนียวแน่น แต่แอบเห็นชาวญี่ปุ่นทั้งหลาย ยกมือขึ้นเป็นอิสระ คิดว่ามันคงเพิ่มระดับความเสียวให้มากยิ่งขึ้น ใครไปเล่น ลองเทคนิคนี้ดูนะ 

ตอนค่ำๆ เดินทางมาถึงกรุงโตเกียว เราจองที่พักกันในย่านชินจุกุ ชื่อโรงแรม APA Hotel จองผ่านอะโกด้า ตอนเช็คอินที่โรงแรม รีเชฟชั่นจะเช็คการจองของเรา แล้วให้เราไปชำระค่าห้องที่ตู้อัตโนมัติเอง ผิดกับความตั้งใจที่คิดว่า จองผ่านอะโกด้า ใส่เลขที่บัตรเครติดไปแล้วจะตัดผ่านบัตรไป หาเป็นเช่นนั้นไม่ ซึ่งการชำระผ่านตู้นี้ จะใช้เงินสดก็ได้ หรือจะเสียบบัตรเครดิตแล้วกดรหัสสี่ตัว แบบที่เราใช้กดเงินสดล่วงหน้าก็ได้ ใครไปพักที่นี่ หรืออีกหลายๆ โรงแรม ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไปว่าจะชำระแบบไหน ไม่งั้นเงินที่แลกไปจะไม่พอ 



ห้องพักที่นี่ ค่อนข้างเล็ก แต่ก็สะดวกสำหรับการเดินทางไปเที่ยวไหนต่อไป และยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ดี จุดเดียวได้ครบครัน ราคาโรงแรมไม่ได้รวมอาหารเช้า ถ้าจะรับอาหารเช้าต้องเพิ่มเงินอีก 1800 เยน เท่าที่ทราบมา อาหารเช้าญี่ปุ่นไม่ค่อยน่าสนใจนัก ไกด์แนะนำว่า เข้าไปร้านสะดวกซื้อ ถูก อร่อย เป็นที่พึ่งยามเช้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งเห็นจริงดังนั้น เพราะมีอาหารให้เลือกเยอะแยะมากมาย 






การเดินทางท่องเที่ยวในโตเกียว ถ้าเรานั่งรถไฟฟัาเป็นก็จะสะดวกมาก หากแต่พอลงไปดูสายรถไฟต่างๆ มันช่างมีมากมาย ดูผังแล้วจะเป็นลม เหมือนสไปเดอร์แมนมาพ่นใยเอาไว้ แม้แต่ไกด์ที่อยู่มาหลายปี บอกว่ายังมีหลงทางกันบ้างเหมือนกัน 





แต่ถ้าใครจะไปเที่ยวก็อย่าได้กลัว นั่งไปเชื่อว่าเดี๋ยวก็ไปกันถูกเอง คณะของ กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว ก็ใช้บริการรถไฟใต้ตินไปเที่ยวในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นย่าน ฮาราจุกุ ชิบูยะ ที่คนไปข้ามถนนกันอย่างครื้นเครง  จุดที่ชอบมากๆ คือ "ตลาดปลาทรึคิจิ" ให้ความตื่นตา ตื่นใจ กับตลาดสดๆ ยามเช้า มีอาหารทะเลสดๆ มาปิ้งย่างขายให้กินกันอย่างคึกคัก มีร้านข้าวหน้าปลาดิบดกยังกะร้านกาแฟในลอนดอน รายรอบตลาด ถ้าไปเดินดู ยังมีร้านราเมง ร้านข้าวหน้าเนื้อ ที่คนญี่ปุ่นไปยืนรอคิวรับประทานกันอย่างกับแจกฟรี  




เสร็จจากตลาดปลา เรานั่งรถไฟไปเที่ยวต่อที่ "วัดอาซากุสะ" แล้วเดินทางต่อไปโอไดบะ บริเวณหน้าวัด อาซากุสะ จะมีท่าเรือให้เรานั่งต่อไปโอไดบะได้เลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อากาศดีๆ ซึมซับได้อย่างถึงอารมณ์ สามารถมองเห็นโตเกียวทาวน์เวอร์ได้อย่างชัดเจน 






บริเวณโอไดบะ ไม่น่าเชือว่ารอบๆ นั้นจะมีสถานที่น่าสนใจหลายๆ อย่าง ก่อนหน้านี้ไปกับทัวร์ 2 ครั้ง ได้ถ่ายภาพกับกันดัมแล้วก็กลับ ไปครั้งนี้มีเวลา ได้เดินสำรวจรอบๆ ที่นี่ ยังมี อนุเสาวรีย์เทพีสันติภาพ ที่ช่างปั้นเป็นคนเดียวกับที่ตั้งอยู่ในอเมริกา มีศูนย์การค้าเก๋ๆ ด้านในยังมีจุดเล่นเกมส์ 3 มิติ ล้ำยุค มีพื้นที่จำลองเมืองญี่ปุ่นแบบโบราณ มีร้านทาโกะยากิ ให้เลือกกินอย่างหน่ำใจ ไม่เชื่อว่า ทาโกะยากิ จะมีให้เลือกรับทานได้มากมายขนาดนี้ ที่สำคัญอร่อยมากกกกก... ที่ไม่ควรพลาดเลยเมื่อมาที่นี่ คือ นั่งชิงช้าสวรรค์ สูงและใหญ่มาก เห็นวิวรอบๆ ตัว ลมเย็นๆ พัดมาถูกตัวแล้วมันสดชื่นบอกไม่ถูก 

การไปเที่ยวครั้งนี้ ยังได้กิน ได้เที่ยวในอีกหลายๆ จุด แต่ไม่อาจนำภาพและเรื่องราวมาเล่าได้หมด ยกมาเป็นบันทึกการเดินทาง ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่กำลังจะไปเทียวญี่ปุ่นเห็นภาพอีกมุมหนึ่ง เผื่อมีประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ก่อนเตรียมตัวเดินทางไปจ้า ... 

แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้า จะไปเที่ยวที่ไหน จะมาแชร์ให้ทุกๆ ท่านได้เป็นข้อมูลนะจ๊ะ สวัสดี....

#กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว   



  



ญี่ปุ่น...ดินแดนนี้ มีเสน่ห์ ญี่ปุ่น...ดินแดนนี้ มีเสน่ห์ Reviewed by TIKKY88 on 17:09:00 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น